กฎกระทรวง
ฉบับที่ 20 (พ.ศ. 2536)
ออกตามความในพระราชบัญญัติปิโตรเลียม
พ.ศ. 2514
--------------------------------------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 (5) แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และมาตรา 100 ตรี แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในกรณีที่รายได้ปิโตรเลียม รายจ่ายปิโตรเลียมที่เป็นทุน หรือรายจ่ายปิโตรเลียมตามปกติ และจำเป็นใดเกี่ยวพันกับแปลงสำรวจหลายแปลงและไม่สามารถแบ่งแยกกันได้โดยชัดแจ้งว่าส่วนใดเป็นรายได้ปิโตรเลียม รายจ่ายปิโตรเลียมที่เป็นทุน หรือรายจ่ายปิโตรเลียมตามปกติและจำเป็นของแปลงสำรวจแปลงใด ให้ผู้รับสัมปทานคำนวณรายได้หรือรายจ่ายดังกล่าวสำหรับแปลงสำรวจแต่ละแปลงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้
ข้อ 2 ในการคำนวณรายได้ปิโตรเลียมตามมาตรา 100 ตรี (1) (ง) ให้ผู้รับสัมปทาน เฉลี่ยรายได้ปิโตรเลียมนั้นเท่า ๆ กันสำหรับแปลงสำรวจแต่ละแปลงตามจำนวนรวมของแปลงสำรวจที่ ผู้รับสัมปทานมีอยู่ก่อนที่มีการโอนทรัพย์สินหรือสิทธิอันเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมนั้น
ข้อ 3 การคำนวณรายจ่ายปิโตรเลียมที่เป็นทุน ให้ผู้รับสัมปทานเฉลี่ยรายจ่ายตาม หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) เงินเดือนและค่าแรงงานซึ่งโดยทางปฏิบัติไม่สามารถหรือไม่เหมาะสม ที่จะทำตารางเวลาการทำงาน (Time Sheet) เพื่อแยกงานของแปลงสำรวจแต่ละแปลง ให้ผู้รับสัมปทาน เฉลี่ยเงินเดือนและค่าแรงงานนั้นตามสัดส่วนของส่วนงานที่เกี่ยวข้องหรือเทียบเคียงกันได้ ตามที่ได้จัดทำ ตารางเวลาการทำงานสำหรับแปลงสำรวจนั้น ๆ
(2) รายจ่ายอื่นนอกเหนือจากรายจ่ายตาม (1) ให้ผู้รับสัมปทานเฉลี่ยรายจ่ายนั้นเท่าๆ กันสำหรับแปลงสำรวจแต่ละแปลงตามจำนวนรวมของแปลงสำรวจที่ผู้รับสัมปทานมีหรือเคยมีอยู่ทุกแปลงในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
ข้อ 4 การคำนวณรายจ่ายปิโตรเลียมตามปกติและจำเป็น ให้ผู้รับสัมปทานเฉลี่ย รายจ่ายตามหลักเกณฑ์เดียวกับข้อ 3
ข้อ 5 ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานเห็นว่า การคำนวณรายได้ปิโตรเลียม รายจ่ายปิโตรเลียม ที่เป็นทุนหรือรายจ่ายปิโตรเลียมตามปกติและจำเป็น โดยหลักเกณฑ์อื่นจะถูกต้องตามความเป็นจริง มากกว่าการคำนวณตามหลักเกณฑ์ข้อ 2 ข้อ 3 หรือข้อ 4 แล้วแต่กรณี ผู้รับสัมปทานอาจขออนุมัติเพื่อ นำหลักเกณฑ์อื่นนั้นมาใช้แทนได้ โดยทำเป็นหนังสือแสดงเหตุผลของการขอเปลี่ยนแปลงยื่นต่ออธิบดี เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีแล้วจึงจะนำหลักเกณฑ์นั้นมาใช้ได้
ในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้ผู้รับสัมปทานใช้หลักเกณฑ์อื่นในการคำนวณตามวรรคหนึ่ง ให้อธิบดีจัดส่งสำเนาคำสั่งอนุมัติและเอกสารประกอบแสดงการคำนวณดังกล่าวให้กระทรวงการคลังเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า
ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏในภายหลังว่า หลักเกณฑ์การคำนวณที่อธิบดีอนุมัติตามคำขอของ ผู้รับสัมปทานตามวรรคหนึ่ง ไม่เหมาะสมด้วยประการใดๆ หรือสภาพการณ์เปลี่ยนแปลงไป ให้อธิบดี มีอำนาจสั่งแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนต่อการกระทำใดๆ ที่ผู้รับสัมปทานได้กระทำไปแล้วก่อนวันที่อธิบดีสั่งแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง
ให้ไว้ ณ วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2536
พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
|